เนื้อหาจากหนังสือเรื่อง "ช้า ให้ ชนะ" เขียนโดย "คาซุโอะ อินาโมริ" [4]
ความสำเร็จต้องอาศัยการเตรียมพร้อมและการวางแผนอย่างรอบคอบ
เมื่อพยายามทำเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
คุณย่อมได้ยินเสียงคัดค้าน
แต่ถ้าคุณตั้งใจสร้างธุรกิจใหม่ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะทำสำเร็จและมองเห็นภาพความสำเร็จได้อย่างชัดเจน
คุณก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าและคิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาได้ในที่สุด
ความคิดของคุณควรอยู่บนพื้นฐานของ “การมองโลกในแง่ดี” อย่างเด็ดเดี่ยว
จึงเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้ามีคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่รอบตัวเพื่อช่วยกระตุ้นให้จินตนาการของคุณโลดแล่น
ในช่วงที่ดีดีไอเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน
ทุกครั้งที่เกิดแรงบันดาลใจ ผมจะเรียกกลุ่มผู้บริหารมาขอความเห็นเสมอ
แต่ผมกลับค้นพบว่ายิ่งพวกเขาจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากเท่าไหร่
พวกเขาก็ยิ่งทำตัวเฉยชาและตำหนิว่าผมคิดไม่รอบคอบมากเท่านั้น
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาพูดก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง
แต่ถ้าเราได้รับแต่คำคัดค้านทุกครั้งที่คิดอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าความคิดนั้นจะดีแค่ไหนก็ต้องตกไปเป็นธรรมดา
และสิ่งที่เป็นไปได้ก็จะดูเป็นไปไม่ได้ในที่สุด
พอเจอเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งเข้า
ผมจึงตัดสินใจเสนอความคิดกับคนอีกกลุ่มแทน
โดยหันไปหาคนที่เปิดใจรับฟังความคิดเหนของผมอย่างกระตือรือร้น
โดยไม่เอาแต่วิเคราะห์วิจารณ์งานใหม่ๆ ด้วยสายตาของคนมองโลกในแง่ร้ายที่ขี้ระแวง
(ถึงข้อเสนอของผมอาจยังมีช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดอยู่บ้างก็เถอะ)
เมื่อคุณกำลังคิดอะไรใหม่ๆ
การอยู่ท่ามกลางคนที่มองโลกในแง่ดีก็ดูเป็นเรื่องที่ควรทำมากกว่า
อย่างไรก็ตาม
การมองโลกในแง่ดีจะใช้ได้ผลเฉพาะในช่วงที่เริ่มคิดอะไรใหม่ๆ เท่านั้น
เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการวางแผน
คุณจะต้องทำให้ความคิดของคุณจับต้องได้และมองโลกในแง่ร้ายเอาไว้ก่อน
คุณต้องประเมินปัจจัยเสี่ยงอย่างรอบคอบ จากนั้นเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการลงมือทำ
คุณค่อยกลับมามองทุกอย่างในแง่ดีแล้วเดินหน้าทำสิ่งนั้นด้วยความมั่นใจ สรุปก็คือ
“ในการเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นความจริง เราต้องเริ่มจากการมองโลกในแง่ดี
วางแผนด้วยการมองโลกในแง่ร้าย และลงมือทำด้วยการมองโลกในแง่ดี”
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับโอบะ
มิตสึโร นักสำรวจที่ดีทางข้ามขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้เพียงลำพังได้สำเร็จเป็นคนแรก
และเขาก็เล่าถึงตอนที่เตรียมตัวออกเดินทาง ตอนนั้นโอบะมาที่บริษัทเคียวเซร่าเพื่อขอบคุณผม
เนื่องจากทางบริษัทได้มอบอุปกรณ์หลายอย่างให้กับเขา
ผมจึงกล่าวชื่นชมที่เขากล้าไปผจญภัยทามกลางอันตราย แต่โอบะกลับดูอึดอัดใจ “จริงๆ
แล้วผมไม่ได้กล้าหาญอะไรเลย” เขาบอก “ผมขี้ขลาดจะตายไป
แต่เพราะกลัวผมเลยเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
นั่นอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมคราวนี้ผมถึงทำสำเร็จได้อีกครั้ง
ถ้านักผจญภัยมีแค่ความกล้าหาญแต่ขาดความรอบคอบก็คงไม่รอดชีวิตกลับมาแน่
พอได้ยินอย่างนั้น
ผมก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าสาขาอาชีพไหน คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่เข้าใจความจริงของชีวิตอย่างถ่องแท้
ถ้าคนเรากล้าหาญเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีความกลัว ความระมัดระวัง
หรือความละเอียดถี่ถ้วนเลย มันก็เป็นแค่ความใจกล้าบ้าบิ่นเท่านั้น
.
.
.
ติดตามอ่านเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
แด่ทุกการเตรียมพร้อม
StorySnap
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น