วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

นึกภาพการบรรลุเป้าหมายให้ชัดเจนสุดๆ

เนื้อหาจากหนังสือเรื่อง "ช้า ให้ ชนะ" เขียนโดย "คาซุโอะ อินาโมริ" [2]

หัวข้อเรื่อง "นึกภาพการบรรลุเป้าหมายให้ชัดเจนสุดๆ"

การอ้างว่าความปรารถนาเป็นจุดกำเนิดของความสำเร็จอาจฟังดูไม่ค่อยเป็นวิทยาศาสตร์ จนหลายคนมองว่าเป็นแค่เรื่องหลอกลวงและเลือกที่จะมองข้ามไป แต่ประสบการณ์สอนผมว่า หากหมั่นนึกถึงความคิดใดๆ ก็ตามอยู่ตลอด ผมจะสามารถ “มองเห็น” ผลลัพธ์ของมันได้อย่างชัดเจน
                ความสำเร็จทุกอย่างในชีวิตล้วนเริ่มต้นจากการอยากทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง ผมจึงลองนึกถึงสิ่งที่อยากทำและจัดลำดับขั้นตอนในการทำให้มันสำเร็จ โดยมองหาหนทางทั้งหมดที่เป็นไปได้แล้วนึกภาพขึ้นมาในหัวเหมือนนักหมากรุกที่คำนวณการเดินหมากล่วงหน้าไว้เป็นหมื่นๆ แบบ ผมจะคิดถึงขั้นตอนทั้งหมดซ้ำไปซ้ำมา ตัดกลยุทธ์ที่เห็นว่าไม่ได้ผลออกไป แล้วปรับเปลี่ยนแผนใหม่อยู่เสมอ นั่นทำให้ผมเริ่ม “มองเห็น” เส้นทางสู่ความสำเร็จได้อย่างชัดเจนราวกับเคยเดินผ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว สิ่งที่เคยเป็เพียงความฝันจะเริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกที จนในที่สุดทั้งงสองอย่างก็มาบรรจบกัน ผมสามารถวาดภาพความสำเร็จในหัวได้เป็นฉากๆ ผมเห็นมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเป็นภาพสีคมชัด ไม่ใช่แค่ภาพขาวดำธรรมดา กระบวนการที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกับเทคนิคการฝึกด้วยจินตนาการในแวดวงกีฬา โดยภาพความคิดนั้นจะชัดเจนมากจนนักกีฬาเห็นมันเกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ
                ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่นึกถึงผลลัพธ์ที่ต้องการตลอดเวลา ไม่มีความปรารถนาอันแรงกล้า และไม่วาดภาพในหัวอย่างชัดเจน เราก็แทบไม่มีหวังที่จะประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์ผลงานหรือเป้าหมายใดๆ ในชีวิต ผมจะพูดถึงการพัฒนาสินค้าใหม่เป็นตัวอย่างนะครับ ปกติแล้วสินค้านั้นควรมีลักษณะเฉพาะและมีคุณสมบัติการใช้งานแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่เดิม ถ้าไม่มีการค้นหาสุดยอดคุณสมบัติระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สินค้าที่ออกมาจะด้อยคุณภาพ ต่อให้มันตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ก็ตาม หากสินค้าถูกพัฒนาขึ้นตามมาตรฐาน “ทั่วไป” มันก็ย่อมดีไม่พอที่จะเจาะตลาดในวงกว้างได้
                เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงนักวิจัยคนหนึ่งของบริษัท ซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เขาใช้เวลาเป็นเดือนๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมา แต่พอเขานำมาเสนอ ผมมองแค่ปราดเดียวก็พูดว่า “ยังไม่ดีพอ”
                “หมายความว่าไงครับ” เขาถาม “ผมทำตามที่ลูกค้าต้องการทุกอย่างแล้วนะ”
                “ผมว่ามันควรจะดีกว่านี้” ผมบอกเขา “สีดูจืดชืดไปหน่อย”
                “ทำไมทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้” เขาโต้กลับ “คุณเป็นวิศวกรนะ น่าจะรู้ว่าเรื่องสีไม่สำคัญสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม เกณฑ์การประเมินของคุณไม่เป็นวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย”
                “คุณจะว่าผมไร้เหตุผลก็ได้ แต่มันยังไม่เหมือนที่ผมคิดไว้” ผมยืนกรานให้เขากลับไปลองทำใหม่ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า เขาโมโหมากขนาดไหนที่โดนปฏิเสธผลงานซึ่งอุตส่าห์ทุ่มเททำมา แต่ที่ผมปฏิเสธก็เพราะผลงานของเขายังไม่ตรงกับภาพในหัวผม สุดท้ายเขากับทีมงานก็สามารถสร้างสินค้าในฝันได้สำเร็จหลังจากพยายามแก้ไขกันอยู่หลายรอบ

                พ่อแม่ของผมชอบใช้คำว่า “เฉียบคมจนบาดมือได้” เพื่อบรรยายถึงสิ่งที่ประณีตมากจนหาข้อผิดพลาดไม่เจอ เมื่อสินค้าได้รับการพัฒนาถึงจุดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ มันจะดูน่าตื่นตาตื่นใจเสียจนเราแทบไม่กล้าแตะต้อง ดังนั้น หากอยากสร้างสรรค์ผลิตภัฑ์ให้ไปถึงจุดสูงสุดก็อย่ามัวแต่ออมแรง จงออกตามหาความสมบูรณ์แบบนั้นให้เต็มที่
.
.
.
ติดตามอ่านเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

แด่ทุกเป้าหมายอันดี

StorySnap



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น