วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง

เนื้อหาจากหนังสือเรื่อง "ช้า ให้ ชนะ" เขียนโดย "คาซุโอะ อินาโมริ" [11]

ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง

ถึงตอนนี้เราคงเข้าใจพลังของความปรารถนาและวิธีนำมันมาใช้แล้ว ถ้าคุณอยากนำพลังนี้มาใช้เพื่อสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งในชีวิตและการทำงาน คุณก็ต้องฝันให้ไกลเข้าไว้ด้วยความทะเยอะทะยาน

            บางคนอาจแย้งว่าแค่ใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวันก็ยากพอแล้ว จะให้มานั่งฝันหรือตั้งความหวังอะไรได้อีก แต่อันที่จริงแล้วคนที่เข้มแข็งมากพอจาสามารถทำให้ชีวิตเป็นแบบที่ตัวเองต้องการได้จะมีความฝันที่ทะเยอทะยาน คนเหล่านี้มักอยากได้ในสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง ซึ่งตัวผมเองก็เป็นแบบนั้น ความฝันและเป้าหมายอันยิ่งใหญ่เป็นแรงผลักดันที่พาผมมาไกลได้ขนาดนี้

            อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าตอนก่อตั้งเคียวเซร่าผมตั้งใจจะสร้างบริษัทที่เป็นผู้ผลิตเซรามิกชั้นนำของโลก และผมก็เน้นย้ำความฝันนั้นให้พนักงานฟังซ้ำ       ๆ ผมไม่มีกลยุทธ์ที่จับต้องได้หรือแผนการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เรียกได้ว่าผมไม่อยู่บนโลกแห่งความจริงเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสผมจะเล่าความฝันนั้นให้พนักงานฟัง เพื่อให้ความฝันของผมกลายเป็นความปรารถนาของพนักงานทุกคน และในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง

            ไม่มีความฝันใดจะเป็นจริงได้ถ้าเราไม่เคยวาดฝัน มีแต่สิ่งที่เราอยากได้ให้เป็นจริงเท่านั้นที่เกิดขึ้นได้ ในที่สุดเคียวเซร่าก็กลายเป็นบริษัทชั้นนำในวงการ เพราะเรามีความปรารถนาที่รุนแรงจนซึมซาบเข้าไปในจิตใต้สำนึก ทั้งยังร่วมมือกันจนมันกลายเป็นความจริง แม้ว่าความฝันที่ยิ่งใหญต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึง แต่ถ้าเรานึกภาพความสำเร็จไว้ในหัวและจินตนาการถึงขั้นตอนสู่เป้าหมายให้ชัดเจน เราก็จะเริ่มมองเห็นวิธีไปถึงจุดนั้น เราจะค้นพบวิธีใหม่ๆ มากมายที่ช่วยให้ความฝันกลายเป็นจริง แม้ว่าทุกวันจะเจอแต่เรื่องซ้ำซากจำเจก็ตาม

            หลายครั้งเราก็ได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ โดยไม่คาดฝันในสถานการณ์ที่ดูธรรมดา เช่น ระหว่างเดินไปตามถนน พักผ่อนจิบน้ำชา หรือพูดคุยกับเพื่อน ถึงแม้แต่ละคนจะพบเจอสิ่งเดียวกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นคำใบ้ที่ชีวิตหยิบยื่นให้ นี่คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างนักคิดผู้ยิ่งใหญ่กับคนธรรมดา มีคนมากมายที่เคยเห็นผลแอปเปิลตกจากต้นเหมือนนิวตัน แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่ค้นพบกฏแรงดึงดูดของโลก เขาประสบความสำเร็จก็เพราะความปรารถนาอันแรงกล้าในการค้นหาคำตอบ


            ผมบอกไปแล้วว่าถ้ารักษาเปลวไฟแห่งความปรารถให้โชติช่วยอยู่เสมอ เราจะได้รับแรงบันดาลใจจากสวรรค์ ซึ่งเป็นที่มาของความสำเร็จอันน่าทึ่งทั้งหลาย ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ก็ควรหมั่นพูดถึงความฝันของตัวเอง และมองไปข้างหน้าด้วยความหวัง เพราะหากปราศจากความฝันแล้ว เราจะไม่สามารถสร้างสรรค์ ประสบความสำเร็จ หรือเติบโตขึ้นอย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น เมื่อเราพยายามทำความฝันให้กลายเป็นจริง และไม่ลดละความพยายามในการสร้างสิ่งใหม่ ตัวตนของเราก็จะถูกขัดเกลาให้ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความฝันและความปรารถนาจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิต
.
.
.
ติดตามอ่านเรื่องราวดีๆได้ที่นี่
แด่ทุกความใฝ่ฝันและแรงบันดาลใจ
StorySnap

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น