เนื้อหาจากหนังสือเรื่อง "ช้า ให้ ชนะ" เขียนโดย "คาซุโอะ อินาโมริ" [5]
หลักการสำคัญที่เรียนรู้จากความเจ็บป่วย
ถึงตอนนี้ ผมได้แบ่งปันหลักการพื้นฐานในการดำเนินชีวิตกับคุณไปแล้วหนึ่งข้อ นั่นคือ ความคิดเปลี่ยนชีวิตเราได้
อย่างไรก็ตาม ตัวผมเองก็ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด
ความล้มเหลวและความยากลำบากที่เกิดขึ้นซ้ำๆ สมัยยังหนุ่ม ทุกอย่างที่ผมคิดว่าจะผิดพลาดก็มักผิดพลาดจริงๆ
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างถึงไม่เคยเป็นไปตามที่หวังเลย
ผมรู้สึกเหมือนคนโชคร้ายที่ถูกพระเจ้าหรือโชคชะตาทอดทิ้ง
ได้แต่ใช้ชีวิตซังกะตายไปวันๆ โดยไม่มีความสุขกับอะไรสักอย่าง
ไม่นานผมก็กลายเป็นคนขมขื่นและรู้สึกแค้นเคืองโลกทั้งใบ
แต่เมื่อต้องต่อสู้กับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ผมก็เริ่มเข้าใจว่าต้นเหตุของความทุกข์ยากทั้งหมดคือความรู้สึกนึกคิดของผมเอง
ผมเผชิญกับความล้มเหลวเป็นครั้งแรกมเมื่อสอบเข้าเรียนมัธยมต้นไม่ติด
ซ้ำร้ายหมอยังวินิจฉัยว่าผมติดเชื้อวัณโรคอีก สมัยนั้นยังไม่มีวิธีรักษาวัณโรค
และมันก็ได้คร่าชีวิตญาติผู้ใหญ่ ในครอบครัวของผมไปแล้วถึงสามคน ผมคิดในใจว่า
“ไม่นานฉันคงอ้วกเป็นเลือดแล้วตายไปเหมือนกัน” ช่วงนั้นผมมีไข้ต่ำๆ
และเอาแต่นอนอยู่บนเตียง จมอยู่กับความรู้สึกไร้ค่าและสิ้นหวัง
เพื่อนบ้านคนหนึ่งคงรู้สึกเห็นใจ
จึงให้ผมยืมหนังสือชื่อ เซเม โนะ จิสโซ ที่เขียนโดยทะนิกุจิ มะซะฮะรุ
ผู้ก่อตั้งกลุ่มสัจธรรมแห่งชีวิต (เซโช โนะ อิเอะ)
แม้เนื้อหาจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อย แต่ตอนนั้นผมกำลังต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
จึงรีบพลิกอ่านอย่างกระตือรือร้น พออ่านจบผมก็พบว่า
ความรู้สึกนึกคิดของคนเรามีแม่เหล็กที่คอยดึงดูดเคราะห์ร้ายเข้ามานั่นเอง
ผมรู้สึกทึ่งกับแนวคิดดังกล่าว
ทะนิกุจิอธิบายว่าทุกสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตล้านเกิดขึ้นเพราะแรงดึงดูดจากความรู้สึกนึกคิด
ความเจ็บป่วยก็เช่นกัน ถึงจะฟังดูโหดร้ายไปหน่อย
แต่ตอน่านผมกลับรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้พูดถูก ตอนคุณปู่ของผมเป็นวัณโรค
ท่านพักอยู่ในตึกซึ่งอยู่ติดกับบ้านที่ผมอยู่ ครอบครัวผมจึงคอยดูแลท่าน
แต่ผมกลัวติดโรคมากถึงขนาดกลั้นหายใจวิ่งทุกครั้งที่ต้องผ่านตึกนั้น
ขณะที่พ่อผมไปดูแลคุณปู่ด้วยตัวเอง แม้แต่พี่ชายของผมก็ดูจะไม่ห่วงเรื่องนี้เลย
เขายังบอกด้วยว่าวัณโรคไม่ได้ติดต่อกันง่ายขนาดนั้น ผมจึงเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่ยอมไปหาคุณปู่
และก็เป็นคนเดียวที่ติดเชื้อวัณโรคในเวลาต่อมา
บางทีผมคงถูกลงโทษที่รังเกียจและพยายามหลีกหนีจากวัณโรคสุดชีวิต
ความคิดและพฤติกรรมดังกล่าวจึงยิ่งดึงดูดโชคร้ายเข้ามา ผมติดเชื้อก็เพราะกลัว
ผมเพิ่งมาคิดได้ว่าการนึกถึงแต่สิ่งที่ไม่ดีจะดึงดูดสิ่งไม่ดีเข้ามาจริงๆ
ข้อความที่ทะนิกุจิเขียนไว้ทำให้ผมตระหนักว่าภาพในหัวสามารถเป็นจริงได้
พอได้มองย้อนถึงสิ่งที่ทำลงไป
ผมก็สัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่าจะคิดถึงแต่สิ่งดีๆ อย่างไรก็ตาม
การเปลี่ยนวิธีคิดไม่ใช่เรื่องง่าย และผมก็มักลื่นไถลออกนอกเส้นทางของการคิดบวกอยู่บ่อยครั้ง.....
(ติดตามได้ในบทความต่อไปค่ะ)
StorySnap
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น